เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหน้าของคุณย่อมมีริ้วรอย หมองคล้ำ ไม่ตึงกระชับ เรียบเนียน เหมือนเมื่อก่อน จึงมีนวัตกรรมด้านความงามเกิดขึ้นมากมายให้คุณได้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมบำรุงผิว การฉีดสารเติมเต็มให้ผิว หรือการทำทรีตเมนต์ต่างๆ
หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ การทำ โฟโน (Phono) ยกกระชับผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ ทำ โฟโน (Phono) คืออะไร ดีไหมอันตรายหรือเปล่า แอดมินมีคำตอบให้ค่ะ (^^)
โฟโน โฟเรซิส (Phonophoresis) หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า โฟโน (Phono) เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง 0.8-1 เมกะเฮิรตซ์ ส่งผ่านเครื่องมือขนาดเล็ก มีลักษณะคล้ายเครื่องนวด (ผลิตจากสแตนเลส ด้านในบรรจุคริสตัล ซึ่งวัสดุทั้งสองชนิดนี้จะไม่ทำปฏิกิริยาต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้) นวดบริเวณผิวหนัง เชื่อกันว่าเครื่องมือนี้จะมีหน้าที่ช่วยผลักยาหรือวิตามินให้แทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ในปริมาณที่มากกว่าและเร็วกว่าการทาครีมทั่วไป โดยยาหรือวิตามินที่นิยมนำมาใช้ในการรักษาส่วนใหญ่จะเป็นกรดวิตามินเอ วิตามินซี สารให้ความชุ่มชื่น และ สารต้านอนุมูลอิสระ
🌸นอกจาก โฟโน จะทำหน้าที่ช่วยผลักยาหรือวิตามินให้เข้าสู่ผิวได้มีประสิทธิภาพขึ้นแล้ว คลื่นเสียงยังทำให้เนื้อเยื่อชั้นลึกเกิดความร้อน ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนในระดับเซลล์ผิว เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และเพิ่มการขับของเสียออกจากเซลล์ผ่านระบบน้ำเหลืองอีกด้วยค่ะ
โฟโน ทำให้หน้าขาวใสได้ด้วย การผลักวิตามินและเจลบำรุงผิวชนิดต่างๆ ที่ทำให้หน้
การทำ โฟโน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวไม่เรียบตึง มีรอยด่างดำจากสิว ริ้วรอยรอบดวงตา รอยคล้ำใต้ตา รวมถึงช่วยลดบวมบริเวณถุงใต้ตาได้อีกด้วย
หลายคนอาจกังวลว่า การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงกับผิวหน้าจะก่อให้เกิดอันตราย จริงๆ แล้วนวัตกรรมนี้มีใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มเวชศาสตร์ฟื้นฟูเพื่อรักษาโรคกระดูก โรคกล้ามเนื้ออักเสบ หรือเส้นเอ็นอักเสบ ซึ่งได้ผลดี แล้วต่อมาจึงมีการปรับใช้กับด้านความงาม
🌸อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังคือ ต้องใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะหากใช้ผิดวิธีก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เข้ารับการรักษา เช่น หากใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเกินไป หรือวางเครื่องมือที่จุดจุดเดียวนานเกินไป จะทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อบริเวณนั้นเสียหายได้ นอกจากนี้ยังห้ามทำโฟโนในเด็กเล็ก ผู้ที่ตั้งครรภ์ และห้ามทำบริเวณใกล้กับกระดูกสันหลัง
🌸ทั้งนี้ แม้ว่าการทำโฟโนจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในโรงพยาบาลและสถาบันเสริมความงาม แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยใดที่ออกมายืนยันหรือรองรับว่าการทำโฟโนจะมีผลช่วยผลักยาหรือวิตามินเข้าสู่ผิวหนังได้มากกว่าการทาครีมทั่วไป หรือช่วยฟื้นฟูผิวหน้าได้อย่างชัดเจน
การทำ โฟโน นั้นเป็นกระบวนการที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยมีขั้นตอนดังนี้
ทั้งนี้ ขั้นตอนดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล หรือตามคำแนะนำของแพทย์นะคะ
ความรู้สึกขณะทำ โฟโน จะเป็นคล้ายกับการนว
หลังจากทำ โฟโน (Phono) ครั้งแรก อาจยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนนัก สถานพยาบาลหรือสถาบันเสริมความงามส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำโฟโน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 4 สัปดาห์จึงจะเห็นผล
หลังจากทำ โฟโน (Phono) คุณควรดูแลตนเองตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดดังนี้ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด